ความสามารถในการเปิดเผย และเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ เป็นกลไกสำคัญต่อความโปร่งใส และธรรมาภิบาล ของการบริหารจัดการภาคการป่าไม้ ทุกภาคส่วนจะได้ประโยชน์จากการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ภาคเอกชนจะได้รับทราบ และสามารถนำกฎระเบียบไปประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้อง ภาคประชาสังคม และสาธารณะที่สนใจ จะมีข้อมูลในการติดตามตรวจสอบการบริหารจัดการป่าไม้ของประเทศ การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นหนึ่งในพันธะสัญญาที่ประเทศไทยต้องดำเนินการภายใต้ข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ การบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT VPA)
ในวันที่ 15 ต.ค. 2564 การประชุมเชิงปฏิบัติการ การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ จัดขึ้นโดยกรมป่าไม้ และ ศูนย์วณศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) ได้เชิญหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบเปิดเผยข้อมูลป่าไม้ การค้า แรงงาน โรงงาน สิ่งแวดล้อมและสังคม เข้าร่วมหารือวิธีปฏิบัติปัจจุบัน และให้ข้อเสนอแนะเพื่อผลักดันการเปิดเผยข้อมูลเชิงรุกต่อไป
ในการประชุมนี้ หน่วยงานต่างๆ ยืนยันถึงการดำเนินงานในปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารราชการ ที่ยึดถือหลักการ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” และอยู่บนหลักแนวคิดที่ว่าจะต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยหน่วยงานรัฐจะแบ่งข้อมูลออกเป็น 4 ประเภท 1) ข้อมูลที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ตีพิมพ์ในพระราชกิจจานุเบกษา และเผยแพร่ช่องทางต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ 2) ข้อมูลที่ต้องเผยแพร่ในช่องทางต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ 3) ข้อมูลที่ต้องร้องขอให้เปิดเผย โดยหน่วยงานรัฐจะประเมินคำร้องขอ ก่อนเปิดเผยข้อมูล และ 4) ข้อมูลที่ห้ามเปิดเผย โดยมากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคง และข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนตัวของธุรกิจ หรือข้อมูลการดำเนินคดีที่ยังไม่สิ้นสุด ทั้งนี้หลายหน่วยงานก็รับทราบถึงอุปสรรคการเข้าถึงข้อมูลของสาธารณะในปัจจุบัน และได้ร่วมให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานในองค์รวม เช่น การเพิ่มเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ รวมถึงสร้างความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ต่อความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูล จัดตั้งฐานข้อมูลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูล และการวางแนวปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทราบอย่างชัดเจน
ต่อเนื่องจากการประชุมนี้ ในวันที่ 29 ต.ค. 2564 กรมป่าไม้ และ RECOFTC ร่วมด้วยสถานีโทรทัศน์ Thai PBS จะจัดงานเสวนาออนไลน์ “อำนาจของประชาชน และสิทธิของรัฐในการเปิดข้อมูลต่อสาธารณะอย่างเป็นธรรม ” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างภาครัฐ ผู้เปิดเผยข้อมูล และสาธารณะ ผู้เข้าถึงข้อมูล เพื่อนำความเห็นและข้อเสนอแนะที่สำคัญมาพัฒนาการเปิดเผยข้อมูลภาคการป่าไม้ต่อไป