หลังจากประเทศไทยได้ตกลงดำเนินการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจเฟล็กที กับสหภาพยุโรป ซึ่งการพัฒนาธรรมาภิบาลป่าไม้ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมนั้นนับเป็นหัวใจสำคัญหนึ่งของกระบวนการดังกล่าว ที่ผ่านมาประเทศไทยได้บทเรียนใดบ้างจากการมีส่วนร่วมนี้คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่าประเทศไทยได้เรียนรู้จากกระบวนการมีส่วนร่วมที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีบทบาทในเวทีมากขึ้น โดยบทบาทในที่นี้มิได้หมายถึงการเข้ามีส่วนร่วมเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงบทบาทที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในกระบวนการ “ทำให้เกิด” สิ่งต่างๆ ที่เห็นร่วมกัน

เมื่อปลายปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยได้เริ่มจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยในการจัดทำภาคผนวกต่างๆ เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยมีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะทำงานกลุ่มย่อยที่มิได้มีเพียงแต่ภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเปิดให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีบทบาทในการเป็นเสาหลักของกลุ่มในการจัดทำเอกสารและแนวทางต่างๆอีกด้วย อาทิ การจัดทำเอกสารและกระบวนการที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้าไม้ ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานการนำเข้าไม้ให้เป็นที่ยอมรับในการทำตามความถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งแนวทางใหม่ๆเกี่ยวกับการสำแดงตนเองของผู้ประกอบการในการทำไม้บนที่ดินเอกชน เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังมีอีกหลากหลายคณะทำงานกลุ่มย่อยที่กำลังดำเนินการและอาจจะมีการจัดตั้ง
เพื่อให้การจัดทำเอกสารและแนวทางให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและโปร่งใส อันสอดคล้องกับการเสริมสร้างธรรมาภิบาลของประเทศ การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำไม้อย่างแท้จริง โดยแนวทางการมีส่วนร่วมดังกล่าวยังคงดำเนินและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง