การประชุมคณะทำงานฯ ครั้งที่ 10 ของปีจัดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม ณ โรงแรมรามาการ์เด็นท์ กรุงเทพฯ เพื่อหารือผลการประชุม JEM และ NEG นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้เกียรติเป็นประธานการประชุม
คณะทำงานฯ ร่วมตกลงแผนการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน VPA จนถึงการเจรจาครั้งที่ 4 โดยฝ่ายไทยจะเร่งส่งร่างภาคผนวกขอบเขตผลิตภัณฑ์ ร่างภาคผนวก THA-TLAS และร่างภาคผนวกการควบคุมห่วงโซ่อุปทานของไม้ไทยให้อียูภายในปีหน้าเพื่อนำเข้าการเจรจาครั้งที่ 4 องค์กรวณศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) พร้อมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะเริ่มต้นดำเนินการร่างภาคผนวกการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะและจะส่งให้อียูออกความเห็นในปีหน้าเช่นกัน คณะทำงานฯมุ่งมั่นร่างภาคผนวกการควบคุมการนำเข้าไม้ให้เสร็จเช่นกัน โดยภาคผนวกนี้มีความสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาการทำไม้ผิดกฎหมายในระดับภูมิภาค
ผู้แทนจากโครงการต่างๆภายใต้ EU-FAO FLEGT Programme ร่วมนำเสนอสถานะของโครงการ โดย RECOFTC จะเริ่มการศึกษาและหารือเรื่องการควบคุมห่วงโซ่อุปทานของไม้บนที่ดินรัฐ โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยให้ทำไม้บนที่ดินรัฐที่ได้รับอนุญาตได้อย่างถูกกฎหมาย มากไปกว่านั้นจะทำการสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อเชื่อมผู้ประกอบการรายย่อยเข้ากับภาคธุรกิจในวงกว้าง และเป็นศูนย์กลางชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงการทำและขายไม้อย่างถูกกฎหมาย
ผู้แทนจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียนำเสนอโครงการ Technological Solutions for Harmonizing Existing Systems to Enhance Traceability of Timber in Thailand ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตรวจสอบไม้ในด้านราคาและเวลาการปฏิบัติการ โดยโครงการจะจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาระบบที่ RFD Single Window และผลิตแอปพลิเคชั่นมือถือหรือเว็บไซท์ที่สามารถผนวกเข้ากับ RFD Single Window เพื่อช่วยเพิ่มในการติดตามตรวจสอบย้อนกลับไม้
ผู้แทนสมาคมไม้เก่ารายงานความก้าวหน้าปัจจุบันโครงการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานไม้เก่า ซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลห่วงโซ่อุปทานไม้เก่าในปัจจุบันตาม 4 ภาคของประเทศไทย
สุดท้ายคณะทำงานฯได้รับรองร่างแนวทางการควบคุมห่วงโซ่อุปทานของไม้บนที่ดินเอกชน และร่วมพิจารณาออกให้ความเห็นแก้ไขแนวทางการสำแดงตนเองเพิ่มเติม เอกสารดังกล่าวจะถูกส่งให้อียูออกความเห็นในเดือนธันวาคมปีนี้
โครงการ Sustainable Forest Trade in Lower Mekong Region Project ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ UN-REDD Programme ได้เข้าพบคณะทำงานกลุ่มย่อยฯ เพื่อแนะนำโครงการเน้นย้ำถึงจุดประสงค์ร่วมของทั้งสองโครงการเรื่องการเสริมสร้างธรรมภิบาล การส่งเสริมความถูกกฎหมายและความยั่งยืนของการค้าผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และการเพิ่มการเข้าถึงการทำไม้อย่างถูกกฎหมายและยั่งยืนของผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งสองโครงการมีความยินดีหากสามารถทำงานร่วมกันได้ในอนาคตที่จะถึง
